by supatpong wongaumnuaykul | Jan 22, 2020 | ความรู้ทั่วไป
UPS เป็นคำย่อของ Uninterruptible Power Supply จะหมายถึง แหล่งจ่ายพลังงานต่อเนื่อง แม้ในเวลาที่ไฟดับหรือเกิดปัญหาทางไฟฟ้า แล้วจ่ายพลังงานไฟฟ้าออกมาเป็นปกติ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 Offline UPS หรือ Standby UPS จากปกติแล้ว อุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) จะได้รับพลังงานจากระบบไฟฟ้าในบ้าน (Main) โดยตรง และในขณะเดียวกันตัวประจุไฟ (Charger) ก็จะทำหน้าที่แปลงพลังงานจากไฟฟ้า 220v AC (Main) เข้าไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ด้วย และหากเกิดไฟฟ้าดับ Battery ก็จะจ่ายพลังงานไปให้กับ Inverter เพื่อแปลงกระแสไฟฟ้า DC ให้เป็นกระแสสลับ AC เพื่อให้ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทำงานตามปกติ แต่ว่า UPS ชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้กรณีที่ไฟฟ้าดับอย่างเดียว ไม่สามารถป้องกันกระแสไฟฟ้าที่ผันผวนได้ จึงมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่า UPS ชนิดอื่นๆ
2 Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer ซึ่งตัวนี้จะมีระบบจะออกแบบมาคล้ายกับ Offline UPS แต่ที่จะมีเพิ่มเข้ามา คือ ระบบช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) โดย UPS ชนิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ช่วยเรื่องทำให้กระแสไฟฟ้าคงที่ ไม่เกิดการกระชากระหว่างไฟตก โดยหากกระแสไฟฟ้าไม่ได้มีการผันผวนมากนัก UPS ชนิดนี้ก็จะไม่ดึงเอาพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้งาน เป็นการรักษาแบตเตอรี่ไปด้วยภายในตัว จึงทำให้เป็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน
3. True Online : หรือ อาจจะเรียกว่า Double Conversion ประเภทนี้คือที่ดีสุดของ UPS สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าทุกกรณี และมีแบตเตอรี่รองรับการไฟตก ไฟดับ หรือพูดง่ายๆ ก็คือประเภทนี้ออกแบบมาให้ อุปกรณ์ สามารถทำงานได้ตลอดอย่างต่อเนื่อง (ขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่ด้วย) ประเภทนี้จึงเหมาะกับ อุปกรณ์ที่เซนซิทีฟกับไฟฟ้ามากๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่ราคาสูง เพราะคุณภาพไฟฟ้ามีผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์
by จำปาศักดิ์ ภาชนะ | Jan 22, 2020 | ความรู้ทั่วไป
การวางระบบUTP(หรือระบบLan ที่เรารู้จักกัน) ที่จะได้ตามมาตรฐานและง่ายต่อการ Mainternance ในอนาคต ดังรูปภาพด้านล่าง จะเห็นได้ว่า การที่เราจะติดตั้งสายจากอุปกรณ์ต้นทางไปยังปลายทางของสายสัญญาณ UTP นั้น ควรติดตั้งแบบ Active Wquipment (อุปกรณ์ต้นทาง)> Patchcord (สายสำเร็จ)> PatchPanel(แผงจัดสาย) > UTP(สายสัญญาณที่ติดตั้ง) > Outlet(หน้ากาก พร้อม Jackตัวเมีย) > Patchcord (สายสำเร็จ)> Equipment(อุปกรณ์ปลายทาง เช่น คอมพิวเตอร์เป็นต้น)
*ประโยชน์ที่จะได้จากการวางระบบUTP แบบนี้ จะทำให้การจัดเรียงสายเป็นระเบียบและง่ายต่อการเปลี่ยนอุปกรณ์หรือเปลี่ยนสายPatchcord ระหว่างอุปกรณ์
by จำปาศักดิ์ ภาชนะ | Jan 17, 2020 | ความรู้ทั่วไป
มาอธิบายเกี่ยวกับ RAM ง่ายๆ ก่อนว่าคืออะไร RAM คือหน่วยความจำหลักของ Computer จะทำงานได้ต้องมีไฟฟ้าเข้ามาเลี้ยง ทำหน้าที่จัดการคำสั่งต่างๆ ที่ถูกรีเควสมาจาก CPU เอย จากชุดคำสั่ง เม้าส์ คีย์บอร์ด หรือสิ่งที่เรากระทำอยู่ เช่นการเปิดโปรแกรม ซึ่งหลายคนอาจคิดว่ายิ่ง RAM เยอะ คอมฯ จะยิ่งเร็ว ก็ไม่ถูกต้องซะทั้งหมด ยิ่ง RAM เยอะจะทำให้จัดการอะไรได้มากขึ้น และเปิดโปรแกรมได้มากขึ้น เลยทำให้รู้สึกไปว่าคอมฯ เราเร็วขึ้น
เรามาดูวิธีการเลือกซื้อดีกว่า เราต้องรู้ก่อนว่าคอมฯ ของเรามี RAM เท่าไหร่ BUS เท่าไหร่ และ DDR อะไร เช่น RAM 8 GB BUS (ความเร็วของแรม) 2400 MHz DDR4 เราจะซื้อเพิ่มก็ซื้อแบบสเปกเท่าเดิมนั่นแหละ แต่ก็ต้องดูว่ายี่ห้ออะไรด้วย
จริงๆ RAM ใช้ต่างยี่ห้อกันได้ แต่มีความเสี่ยงตรงที่อาจจะเปิดติด หรือเปิดไม่ติดก็ได้ เพราะแต่ละยี่ห้อใช้เทคโนโลยีไม่เหมือนกัน ถ้าจะซื้อจริงๆ จะแนะนำให้เอา RAM ที่เรามีไปด้วย หรือถ่ายรูปแล้วให้ที่ร้านดู ใช้ยี่ห้อเดียวกับที่เรามีปลอดภัยกว่า
แล้วจะซื้อ BUS เท่าไหร่ดี ส่วนตัว BUS ของ RAM ถ้ามากกว่า 2400 ขึ้นไปจะไม่ค่อยเห็นถึงความแตกต่างเท่าไหร่ แต่ต้องดูด้วยว่า CPU ของเรารองรับ BUS สูงสุดที่เท่าไหร่ ถ้าเราซื้อ BUS 3000 MHz ไป แต่ CPU รองรับแค่ 2400 MHz ก็จะเห็นแค่ 2400 MHz หรือถ้าเกิดเราใส่ RAM ที่มี BUS 2400 MHz และซื้อใหม่มาเพิ่มแต่อีกตัว BUS 3000 MHz คอมฯ เราจะเห็น BUS ทั้งคู่แค่ 2400 MHz
ถ้าคอมฯ บ้านใช้ RAM DDR3 แต่อยากซื้อใหม่ ซื้อ RAM DDR4 มาใช้ด้วยได้ไหม คำตอบคือ ไม่ได้ครับเทคโนโลยีใครเทคโนโลยีมัน ใช้ร่วมกันไม่ได้ เพราะตัว RAM ทั้ง DDR3 และ DDR4 ช่องเสียบไม่เหมือนกัน ถ้าจะเปลี่ยนต้องเปลี่ยนที่ Mainboard ที่รองรับ DDR นั้นๆ จ้า ซึ่งปัจจุบันคอมฯ รุ่นใหม่ๆ เมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ จะรองรับ RAM DDR4 ล่ะ
สำหรับยี่ห้อ ซื้อยี่ห้ออะไรดี ในปี 2019 นี้ RAM ปรับราคาลงจากปีก่อน และกระแส RGB กำลังมาแรง (คือ RAM ที่มีไฟ LED) อันนี้ก็แล้วแต่ว่าชอบดีไซน์แบบไหน ผลการใช้งานไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่ ยิ่งดีไซน์สวยยิ่งแพง
วันนี้พูดถึงเรื่อง RAM เพราะเป็นคำถามที่ถูกถามเยอะว่าเลือกซื้อยังไง กลัวซื้อไม่ถูก ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยได้บ้างนะครับ อาจลงไม่ลึก ไม่ละเอียด ย่อยมาให้ผู้อ่านควรจะทราบเบื้องต้นว่า RAM คืออะไรไว้ก่อน นะครับ
by supatpong wongaumnuaykul | Jan 17, 2020 | ความรู้ทั่วไป
.com ย่อมาจาก commercial หมายถึง บริษัท องค์กรพาณิชย์ หรือ ห้างร้านโดยทั่วไป รวมทั้งเว็บไซต์ส่วนตัว
.net ย่อมาจาก network หมายถึง ใช้ทำเว็บไซต์เกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์ค (network)
.org ย่อมาจาก organization หมายถึง องค์กรไม่หวังผลกำไร
.biz ย่อมาจาก business หมายถึง องค์กร บริษัท ห้างหุ้นส่วน คล้ายกับ .com
.info ย่อมาจาก information หมายถึง ข้อมูลสารสนเทศ
.co ย่อมาจาก commercial หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจ
.ac ย่อมาจาก academic หมายถึง โรงเรียน มหาวิทยาลัย
.or ย่อมาจาก organization หมายถึง องค์กรไม่หวังผลกำไร
.in ย่อมาจาก individual in Thailand หมายถึง บุคคลทั่วไป
.net ย่อมาจาก network in Thailand หมายถึง หน่วยงาน/องค์กรทำธุรกิจด้านเครือข่าย
ตัวย่อของประเทศที่ตั้งขององค์กร เป็นตัวย่อที่อยู่หลังตัวย่อนามสกุลเว็บไซต์อีกทีเพื่อจะได้รู้ที่ตั้งอยู่ประเทศ .th คือ ประเทศไทย เช่น .co.th หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจที่ตั่งอยู่ประเทศไทย .cn คือ ประเทศจีน เช่น .co.cn หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจที่ตั่งอยู่ประเทศจีน .uk คือ ประเทศอังกฤษ เช่น .co.uk หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจที่ตั่งอยู่ประเทศอังกฤษ .jp คือ ประเทศญี่ปุ่น เช่น .co.jp หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจที่ตั่งอยู่ประเทศญี่ปุ่น .au คือ ประเทศออสเตรเลีย เช่น .co.au หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจที่ตั่งอยู่ประเทศออสเตรเลีย
by supatpong wongaumnuaykul | Jan 10, 2020 | ความรู้ทั่วไป
ปุ่ม BIOS / Boot Menu ของโน๊คบุ๊ค (Notebook/Laptop)
Notebook/laptop Bios key Boot menu key
acer
F2
F12
asus
F2
Esc
compaq
F10
Esc,F9
dell
F2
F12
fujitsu
F2
F12
hp
F10
Esc,F9
lenovo
F1,F2
F12
nec
F2
F5
Sumsung
F2
Esc
sharp
F2
–
sony
F1,F2,F3
F11
toshiba
F2
F12
ปุ่ม BIOS / Boot Menu PC / Desktop
PC/Desktop Bios key Boot menu Key
Asus
del
F8
acer
DeL
F12
dell
F2
F12
gigabyte
Del,F2
F12
msi
Del
F11
intel
F2
F10
asrock
F2
F11
evga
Del
F7
lenovo
F1,F2
F12,F8,F10
hp
F1
Esc
ibm
F1
F12
by ยศกร ทรงคุณ | Jan 10, 2020 | ความรู้ทั่วไป
วิธีเพิ่มโปรแกรมให้ทำงานพร้อมกับตอนบูตเข้า Windows 10 จะใช้โปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นบางตัวที่เรากำหนดให้เริ่มทำงานพร้อมกับการบูตเข้าสู่ระบบ Windows 10 ในส่วนการปรับแต่งหรือ Configuration/Preferences พอระบบบูตเข้าหน้าจอ Windows 10 กลับพบว่าโปรแกรมเหล่านั้นยังไม่เริ่มทำงาน ซึ่งสาเหตุอาจเป็นเพราะบั๊กของ Windows 10 หรือบั๊กจากตัวโปรแกรมเอง
แต่ปัญหาดังกล่าวเราสามารถแก้ไขง่ายด้วยตัวเองแค่ทำตามขั้นตอนนี้เปิดเข้าไปที่ตำแหน่งโฟลเดอร์ Startup ของ Windows 10 ด้วยวิธีการดังนี้
การจะเข้าไปที่โฟลเดอร์
Startup ให้เรากดปุ่ม Windows
+ E เพื่อเปิดหน้าต่าง
File Explorer แล้วพิมพ์คำสั่งหรือ Copy
คำสั่งไปวางในช่อง Address
Bar แล้วกดEnter
%APPDATA%\Microsoft\Windows\Start Menu\Programs\Startup
หรือกดปุ่ม Windows + R จากนั้นพิมพ์คำสั่ง shell: startup แล้วกด OK
จากนั้นให้ Copy โปรแกรมที่เราต้องการจะให้เริ่มทำงานพร้อมกับตอนบูตเข้าWindows
Copy โปรแกรมที่ต้องการเสร็จแล้วให้นำไปวางในโฟลเดอร์ที่เปิดไว้ข้างต้น.
วางโปรแกรมเสร็จแล้วลองรีสตารท์เครื่อง เมื่อเข้าสู่หน้าจอ Windows 10 โปรแกรมจะเริ่มทำงานทันที